ถ้าให้เรานิยาทความหมายของความรักละก็คงต้องบอกว่ามันคือสิ่งสวยงามที่ทำให้เรามีความสุข และสิ่งที่สำคัญที่สุดในการอยู่กับใครสักคนก็คือ ความซื่อสัตย์ แต่หากความซื่อสัตย์นั้นหมดไปแล้ว เราจะเลือกอะไร ระหว่างการให้อภัย หรือจะฟ้องร้องเพื่อแยกทางกันในทันที มันไม่ง่ายเลยที่จะตอบคำถามนี้ในเมื่อคุณกับคนรักของคุณอยู่ด้วยกันมานานถึง 15 ปี มีชีวิตที่ลงตัว และมีลูกด้วยกันอีกด้วย และนี่เองคือเหตุผลว่าทำไมคู่สมรสบางคู่จึงเลือกทางอื่นเมื่อพวกเขามองเห็นสัญญาณของการนอกใจ แต่ไม่ใช่กับนางเอกในเรื่องนี้ของเราที่มีความสามารถอย่างกับ Sherlock Holmes
โดยเราพบเรื่องราวนี้จากผู้ใช้ที่ชื่อว่า Pikaby หรือมีชื่อที่แสดงในกลุ่มว่า Infinity222 โดยเธอได้แบ่งปันเรื่องราวของเพื่อนของเธอที่เอาต้องบอกว่าจัดการสามีได้แบบอยู่หมัดเลยก็ว่าได้ และเมื่อได้อ่านเรื่องราวแล้วก็ต้องบอกเลยว่าพวกเราเชื่อว่าความฉลาดของเธอควรเป็นที่จดจำและบอกต่อ
เรื่องราวเริ่มต้นจากเมื่อเธอไปช็อปปิ้งในวันคริสต์มาสและพบเพื่อนคนหนึ่งที่ฉันไม่ได้เจอมานานเป็นเวลา 6 เดือน
ฉัน: อ้าว เธอเป็นอย่างไรบ้าง
เพื่อนของฉัน: ฉันเลิกกับสามีแล้ว
ฉัน: เสียใจด้วยนะ! แต่พวกเธออยู่ด้วยกันมาเกือบ 20 ปีนี่นา และดูเหมือนพวกเธอจะเป็นคู่ที่เหมาะกัน
ดังนั้นเราจึงตัดสินใจที่จะดื่มกาแฟสักแก้วและเธอก็เล่าทุกอย่างให้ฉันฟัง
© Westend61 / Getty Images
“เมื่อประมาณเดือนกุมภาพันธ์ สามีของฉันเริ่มมีปัญหาเรื่องการเงิน: เขาไม่ได้โบนัส และเงินเดือนก็ค่อยๆลดลงเรื่อยๆ ในช่วงนั้นเราอยู่ได้ด้วยเงินเดือนของฉันคนเดียว เขาซื้ออาหารบางอย่างกลับมาบ้านบ้าง แต่มันก็น้อยกว่าที่ฉันซื้อมามาก แล้วเขาก็ยังมีปัญหาอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็น รถเสีย พ่อแม่ของเขามีปัญหาต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ฯลฯ ฉันไม่ได้รู้สึกแย่เพราะฉันก็เคยมีช่วงเวลาที่ไม่มีรายได้และเราก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยเงินของเขาคนเดียว
จนกระทั่งวันหนึ่งที่เขาและเพื่อนๆ จะต้องไปตกปลา ซึ่งมันเป็นกิจกรรมที่เขาทำต่อเนื่องมาเป็นประจำทุกปีเป็นเวลา 15 ปีแล้ว และเมื่อเขากลับมาถึงบ้านฉันก็จัดข้าวของของเขาเพื่อเอาไปซัก ฉันพบถุงพลาสติกที่มียี่ห้อสินค้าจากร้านขายรองเท้าราคาแพง ในตอนนั้นฉันคิดว่าเขาน่าจะเก็บถุงที่หาได้บนเรือมาใส่ของ ตอนนั้นฉันยังรู้สึกดีใจกับภรรยาของเพื่อนเขาที่ได้รองเท้าหรูหราแบบนี้จากสามีของเธอ
2-3 สัปดาห์ผ่านไปตอนที่ ฉันกำลังจะไปซุปเปอร์มาร์เก็ตแต่รถดันมายางแบนซะได้ ฉันโทรไปหาสามี แล้วขอให้เขาช่วยเอารถของฉันไปเติมลมยาง และสลับรถกับฉัน และเมื่อฉันซื้อของเสร็จฉันก็เปิดกระโปรงท้ายรถของเขาและเห็นถุงพลาสติก 2 ใบจากร้านรองเท้าราคาแพงและยังมีถุงใส่ชุดกีฬาอีกด้วย ในตอนนั้นฉันก็เริ่มสงสัยทุกอย่าง ฉันโทรหาภรรยาของเพื่อนของเขาทุกคนที่เขาไปตกปลาด้วย กลับกลายเป็นว่าไม่มีใครซื้อรองเท้าจากร้านนั้นเลย (มันไม่น่าแปลกใจเท่าไรเพราะรองเท้าที่ร้านนั้นแพงมาก ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 15,000 บาท) ในวันถัดไปฉันไปที่ร้านนั้น ทำเป็นขอลองใส่รองเท้า แต่จริง ๆ แล้วฉันกำลังถ่ายรูปคนที่อยู่ในร้านทุกๆคนเก็บไว้
ต่อจากนั้นอีกไม่นานมันเป็นวันเกิดของสามีฉัน เขากลับบ้านมาพร้อมโทรศัพท์เครื่องใหม่และบอกว่าเป็นของขวัญจากเพื่อนร่วมงานของเขาซึ่งมันคือ iPhone ที่มีราคาแพงมากราคาประมาณ 30,000 บาท! ฉันเริ่มคิดว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้
เขาให้โทรศัพท์เครื่องเก่าของเขากับลูกสาวของเรา ฉันจึงเอามันมาตรวจสอบดูรายชื่อและเบอร์โทรศัพท์ต่าง ๆ ฉันเขียนรายชื่อผู้ที่ติดต่อกับเขาทุกคนและเริ่มโทรหาพวกเขาที่ละเบอร์ ในรายชื่อมีคนชื่อ “แจ็ค ร้านขายยางรถ” ที่น่าสงสัย มันมี 2 เบอร์เป็นเบอร์โทรศัพท์บ้านและโทรศัพท์มือถือ เมื่อฉันโทรเข้ามือถือฉันพบว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งที่รับสาย ในขณะที่เบอร์โทรศัพท์บ้านเป็นเบอร์ร้านขายรองเท้าราคาแพง ใช่แล้ว! ฉันลองเช็คในอินเทอร์เน็ตและพบ Instagram ของร้านนี้ ฉันตรวจสอบผู้ติดตามทั้งหมดและพบผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ Hilary หน้าเพจของเธอเต็มไปด้วยช่อดอกไม้ขนาดมหึมา ร้านอาหารสุดหรู และเขียนว่า “ของขวัญจากคนสำคัญของฉัน” ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
ที่เด็ดที่สุดมันเป็นรูปถ่ายของเธอกับสามีของฉันและเขียนในคอมเมนต์ว่า “ในช่วงวันหยุดกับคนที่ฉันรัก” และสิ่งที่ฉันรู้มากกว่านั้นก็คือที่จริงแล้วเขามีรายได้มากขึ้นเพราะเขาได้เลื่อนตำแหน่งในที่ทำงาน แต่เขากลับใช้เงินทั้งหมดของเขากับผู้หญิงคนนั้น และเขาก็เช่าอพาร์ทเมนต์ให้เธอ มอบของขวัญให้กับเธอ”
เราดื่มกาแฟกันมาแล้ว 3 ถ้วย แต่ฉันก็ยังไม่อยากเชื่อเลยว่าสิ่งที่เธอพูดคือเรื่องจริง “เธอไปจัดการกับผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า และทำไมเธอถึงปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นเอาสามีของเธอไปง่ายๆ”
ฉันคิดเอาเองว่าฉันจะได้ยินคำตอบที่เกี่ยวกับ การกระทำเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของเธอ และ เธออาจจะบอกว่า “ฉันจะไม่ยกโทษให้เขา” แต่คำตอบที่ได้นั้นต่างออกไปเธอพูดกับฉันว่า “เธอต้องการคำตอบจริงๆไหม” ตอนแรกฉันคิดว่าฉันจะให้อภัยเขา ฉันไม่ได้บอกเขาว่าฉันรู้ความจริง ฉันแค่เงียบๆไป ในเดือนกันยายนเมื่อลูกสาวของเรากำลังเริ่มเรียนปีสุดท้ายในโรงเรียน เราเริ่มคุยกันเรื่องการจ้างอาจารย์มาติวให้กับเธอ เธอต้องการสมัครเข้ามหาวิทยาลัยทางการแพทย์และต้องการคนที่สามารถช่วยเธอได้ และเขากลับบอกว่าเขาไม่มีเงินและพยายามพาลูกไปสมัครเรียนที่อื่น นั่นมันเป็นความฝันในวัยเด็กของเธอที่อยากเป็นหมอ ฉันต้องขายรถของฉัน เพื่อให้ลูกได้ติวพิเศษและเริ่มโทรหาเพื่อนและคนรู้จักเพื่อขอยืมเงิน เมื่อฉันมีเงินไม่พอ ฉันโทรหาเจ้านายของสามีของฉัน (เพราะเราสนิทสนมกัน) และเขาบอกว่าสามีของฉันยืมเงินเขาไป 150,000 บาท เพื่อเป็นค่าอาจารย์พิเศษของลูกสาวของเรา และนั่นถือเป็นฝางเส้นสุดท้ายของการอดทนของฉัน เขากลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับฉันตั้งแต่ตอนนั้น ในที่สุดฉันก็ทนไม่ได้อีกต่อไป ฉันฟ้องหย่ากับเขาทันที และแน่นอนว่าเขาขอร้องฉันไม่ให้เลิกกับเขาและสาบานว่าจะเลิกกับผู้หญิงคนนั้น แต่มันเป็นเรื่องโกหก เขายังพยายามหลอกทุกคนในครอบครัวของเรา”
เรานั่งคุยกันต่ออีกนิดโดยไม่พูดอะไรสักคำและฉันรู้สึกแปลกๆ กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ ฉันรู้จักครอบครัวของเธอมานานแล้วและไม่เคยคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ และเพื่อนของฉันพูดว่า “เรื่องของสามีฉันมันไม่ได้สำคัญอีกต่อไปแล้ว” ซึ่งฉันคิดว่าเรื่องนี้มันเจ๋งมาก ที่ฉันพบความจริงจากถุงพลาสติก!” และเรื่องนี้มันก็บอกให้เรารู้ว่าเราตรรกะของผู้หญิงนั้นไม่ธรรมดาจริงๆ
เชื่อว่าหลายคนต้องประทับใจตรรกะเหล่านี้ของเธอและหากเพื่อนๆมีเรื่องราวของตัวเองเรายินดีรับฟังในเพจของเรา
ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside เรียบเรียงโดย BTW