วันนี้พวกเราที่อย่างนี้ก็ได้ก็กลับมาเขียนเรื่องราวสนุกๆสไตล์กึ่งสาระที่คิดว่าอาจจะมีในตัวเราบ้างไม่น้อยก็มากแหละนะ แต่จะเอาเรื่องอะไรตอนแรกก็ยังคิดกันไม่ออกเลยตั้งเป็นคำถามสั้นๆว่าจะ “ทำอะไรดี” ไว้ที่กระดานกลางห้องทำงานเพื่อว่าใครผ่านไปผ่านมาก็เห็นแล้วเอาไอเดียดีดีมาบอกให้เราทำก็ได้เนอะ แต่ผ่านไปแล้วหลายชั่วโมงก็ไม่มีใครมาเขียนอะไรสักที อะไรกันคำถามง่ายๆแบบนี้พอคิดปุ๊บก็เหมือนสายลมพัดผ่านมาเอองั้นเรามาทำเรื่องคำถามที่ไม่ค่อยมีคนถามแต่เราอยากจะหาคำตอบกันดีกว่าเนอะ บอกแค่นี้แหละพอเป็นแนวๆเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า เพื่อนเพื่อนทราบกันไหมละว่าตอนเรายังเด็กน้อยนั้นทุกอย่างดูน่าสนใจไปหมดเลยถึงขนาดที่ว่ามีการประเมินว่าช่วงอายุสองถึงห้าปีแค่สามปีเท่านั้นหลังจากที่เราสามารถเข้าใจภาษาแล้วคำที่เอ่ยออกมาบ่อยๆก็คือคำถามอย่างเช่น นั้นอะไร นี้อะไร หรือทำไมต้องทำแบบนั้นซึ่งนับนับดูเล่นเล่นก็นับได้ถึงสี่หมื่นคำถามเลยนะซึ่งบางครั้งก็ถามออกไปแบบไม่ต้องการคำตอบด้วยซ้ำไป แต่เมื่อผ่านวันเวลาและเรื่องราวต่างๆที่ผ่านเข้ามาทำให้เราเติบโตขึ้นกลับทำให้คำถามต่างๆนั้นขาดหายไปซึ่งนั้นบางครั้งมันก็อาจจะหมายถึงจินตนาการและความกระตือรือร้นที่อยากรู้เรื่องราวต่างๆนั้นลดลงไปด้วยนั้นเอง
ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะบางเรารู้สึกว่าสิ่งที่เห็นมันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เห็นอยู่ทั่วไปนั้นแหละและคนอื่นๆก็ไม่สงสัยอะไรแล้วทำไมเราถึงเราจะต้องสงสัยด้วยซึ่งนั้นมันก็ฟังดูดีเนอะ แต่วันนี้พวกเราอย่างนี้ก็ได้ก็อยากจะกลับมาปลุกความสงสัยและความอยากรู้อยากเห็นของเพื่อนเพื่อนขึ้นอีกครั้งเพราะเราพบว่าสิ่งธรรมดาที่เราเห็นนั้นมันกลับว้าวมากมากเมื่อเราได้รู้ที่มาของสิ่งเหล่านั้นและเราก็อยากให้เพื่อนเพื่อนได้ว้าวไปกับเราด้วยนั้นเองเลยลองเราเรื่องราวสักแปดอย่างที่ดูธรรมดาแต่พอถามถึงที่มาแล้วก็ต้องร้องอ้อกับเหตุผลที่มันเป็นแบบนั้นนั้นเองพร้อมแล้วก็ไปอ่านกันเลยดีกว่าเนอะ
มาเริ่มกับเบาๆกับเรื่องราวของเหล่าลูกเรือกันดีกว่า
เพื่อนเพื่อนน่าจะเคยเห็นกันมาแล้วละว่าเหล่าลูกเรือที่ออกทะเลนั้นสวนกางเกงที่ขาบานออกซึ่งถ้าเราบอกว่ามันไม่ได้เพราะแฟชั่นหรอกนะที่เลือกใส่กางเกงขาบานเหล่านั้นแต่เป็นเพราะว่าชุดเสื้อหรือกางเกงที่ดูหลวมสักหน่อยสามารถช่วยให้มันแห้งเร็วเมื่อโดนลมพัดและอีกส่วนหนึ่งก็คือการที่ต้องทำงานในทะเลนั้นก็มีโอกาสที่จะตกลงไปในน้ำได้ดังนั้นกางเกงขาบานและเสื้อหลวมๆก็มีเพื่อความสะดวกในการถอดออกเวลาตกน้ำเพื่อที่จะได้ปลดชุดแล้วสามารถลอยตัวโดยไม่ต้องออกแรงมากนั้นแหละ
ไหนๆก็พูดถึงชุดของลูกเรือแล้วก็เพิ่มอีกสักข้อเลยก็แล้วกันนะกับปกเสื้อที่ใหญ่มากมากและมันจะมีสีเข้มๆ
ก็ไม่ได้มีการบอกกล่าวที่ชัดเจนถึงเรื่องราวและความเป็นมาของปกที่ใหญ่และสีที่เข้มแบบนี้แต่เท่าที่เรารวมรวมมาก็คืออย่างแรกเลยในสมัยก่อนการออกเรือยังไม่สะดวกสบายเพราะแน่นอนว่าไม่มีน้ำจืดมากพอที่จะใช้สำหรับอาบน้ำและสระผมและด้วยทรงผมที่ยาวก็ต้องใช้น้ำมันแต่งผมซึ่งปกเสื้อก็มาทำให้ชุดไม่ดูเลอะเท่านั้นแหละ แต่อีกเรื่องเล่าก็คือด้วยปกเสื้อสีเข้มนี้เองที่จะทำให้มองเห็นได้ชัดเวลาที่เกิดตกลงไปในน้ำ
เพื่อนเพื่อนในยุคนี้อาจจะไม่ค่อยได้เห็นหรืออาจจะไม่รู้จักตู้โทรศัพท์สาธารณะกันแล้วแต่ถ้าหากไปท่องเที่ยวยังต่างประเทศละก็อาจจะยังพอเห็นเจ้าตู้โทรสํพท์สาธารณแบบนี้อยู่บ้างแล้วเคยสงสัยไหมละว่าทำไมมันต้องมีสีแดงหรือสีที่โดดเด่นขนาดนี้
เราขอหยิบยกเอาประวัติของตู้โทรศัพท์ตู้แรกในลอนดอนมาเล่าก็แล้วกันนะย้อนกลับไปในปี 1920 เมื่อการสื่อสารด้วยโทรศัพท์เริ่มต้นขึ้นได้ไม่นาน ก็ต้องจัดทำเจ้าตู้โทรศัพท์สาธารณไว้ตามที่ต่างๆสำหรับติดต่อกันเวลาซึ่งมันทำจากคอนกรีตก่อนและยังเป็นสีครีมที่มีประตูเท่านั้นที่เป็นสีแดง ต่อมาในปี 1924 มีการประกวดออกแบบตู้โทรศัพท์ใหม่ซึ่งก็ได้เปลี่ยนมาเป็นแบบที่เราคุ้นเคยด้วยสีแดงสดใสเพื่อที่จะทำให้มองหาได้ง่ายนั้นเองและทำจากโลหะแทนที่จะเป็นคอนกรีต ซึ่งมีเรื่องเล่าตลกเล็กๆว่าต่อมาในปี 1952 เกิดปรากฎการณ์หมอกลงหนามากมากซึ่งทำให้ทั้งเมืองนั้นถูกปกคลุมไปด้วยสีขาวถึงขนาดที่เรียกว่ามองออกไปข้างหน้าแทบจะไม่เห็นเลยแต่ในทามกลางสีขวาเหล่านั้นกลับมีเจ้าตู้โทรศัพท์สีแดงนี้แหละที่เด่นเป็นสง่ามองเห็นได้ช่วยทำให้เรายังสามารถหาตู้โทรศัพท์เจอได้ง่ายอยู่
วัสดุที่ใช้ทำลูกบิดประตูมีส่วนทำให้เราแข็งแรงได้
พอบอกว่าแข็งแรงได้เพื่อนเพื่อนบางคนคิดภาพตามมาเลยว่ามันเอาไว้ออกกำลังกายแขนเหรอ เราบอกได้เลยว่าไม่ใช่อย่างที่คิดนะแต่สิ่งที่เราจะบอก็คือโลหะบางชนิด เช่น เงิน, ปรอท, สังกะสี, ทองแดง, ตะกั่ว, ทองคำและอื่นๆอีกนั้นมีความต้านทานและสามารถชลอหรือยับยั้งการเดิบโตของสิ่งแปลกปลอมที่มาติดอยู่ที่ตัวมันได้ เราจึงเห็นว่าหลายหลายแห่งมีการเลือกใช้ลูกบิดที่ทำมาจากทองเหลือง (ทองเหลืองทำมาจากทองแดงและสังกะสี) เพื่อช่วยในเรื่องนี้นั้นเองแต่บางที่ก็เลือกแค่ว่ามันสวยดีและทำความสะอาดง่ายกว่าเหล็กเท่านั้นเอง
จุดเริ่มต้นของใบแดงและใบเหลืองในการเล่นฟุตบอล
เพื่อนเพื่อนที่เคยดูเกมส์กีฬาฟุตบอลย่อมต้องเคยเห็นการให้ใบเหลืองและใบแดงกันมาก่อนแน่นอนแต่คุณรู้ไหมละว่าเจ้าสิ่งนี้มันเพิ่งเกิดขึ้นหลังจากปี 1966 นี้เองเพราะในระหว่างการแข่งขันระหว่างสองทีมซึ่งมาจากคนละที่และระหว่างเกมการเล่นกรรมการมีการตักเตือนแต่ผู้เล่นไม่เข้าใจและยังทำสิ่งนั้นซ้ำอีกซึ่งท้ายที่สุดก็ต้องนำผู้เล่นไปพักรออยู่ที่ข้างสนามโดยหลังจากจบการแข่งขันจึงได้มีการปรึกษาถึงวิธีการที่จะใช้สำหรับสื่อสารเพื่อให้ทุกคนเข้าใจเป็นไปในทางเดียวกันจึงเกิดเป็นกติกาของการให้ใบเหลืองใบแดงนั้นเอง
รองเท้าหนังแบบรุ่นคลาสสิคหน่อยจะมีลวดลายที่สวยงามและมีการเจาะรูเล็กรอบๆแล้วเจ้ารูนี้มันมีไว้ทำไมนะเหรอ
แน่นอนว่ามันต้องมีความนัยอะไรสักอย่างมากกว่าการทำลวดลายอย่างแน่นอนและเมื่อเราลองค้นหาเข้าไปดูก็พบว่ารองเท้าหุ้มส้นเป็นรองเท้าที่มีรูพรุนๆ ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกโดยโคบาลในศตวรรษที่ 17 พวกเขาทำงานและเดินทางในที่ที่เป็นลุ่มน้ำดังนั้นมันจึงต้องทำรูเล็ก ๆ ในรองเท้าเพื่อให้แห้งเร็วขึ้นและช่วยระบายอากาศนั้นเอง
ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside เรียบเรียงโดย BTW