ถ้าจะบอกว่าพวกเราทุกคนนั้นคงต้องมีบางช่วงเวลาที่ดูเหมือนว่าทำอะไรก็ดูผิดพลาดไปหมด ซึ่งหลายหลายคนก็เกือบที่จะยอมแพ้ แต่จริงๆแล้วมันยังมีสิ่งดีๆที่เป็นความหวังที่มาเสริมกำลังใจให้กับเราได้อยู่ ซึ่งมันอาจจะมาในรูปแบบของรอยยิ้มจากคนแปลกหน้า ความช่วยเหลือจากใครบางคน โทรศัพท์ที่ไม่คาดคิดจากเพื่อนเก่า หรือของขวัญจากคุณปู่ของเรา
พวกเราได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวเหล่านี้ จากชาวเน็ต มันเป็นเรื่องราวดีเมื่อคนรับรู้ถึงสิ่งที่ดีๆและแบ่งปันเรื่องราวเหล่านี้ และจะดียิ่งขึ้นเมื่อผู้คนทำสิ่งที่ดีเหล่านี้ให้เกิดขึ้นด้วยตังของเขาเอง
-ฉันทำงานเป็นผู้ดูแล และรับจัดงานแต่งงาน ตลอดอาชีพการงานของฉัน ฉันได้จัดพิธีแต่งงานที่น่าประทับใจให้กับคู่บ่าวสาวจำนวน มากมาย แต่มีพิธีหนึ่งที่ฉันชอบที่สุด ซึ่งเมื่อนึกถึงก็ยังทำให้ฉันยิ้มได้ทุกครั้ง ฉันยังจำได้ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว คู่รักที่ร่ำรวยมากคู่หนึ่งตัดสินใจเชิญเด็กๆ จากสถานเลี้ยงเด็ก มางานแต่งงานของพวกเขา เด็ก 258 คนเป็นแขกรับเชิญในงานแต่งงาน ซึ่งพวกเขาให้เด็กทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ ทั้งการเต้นรำ เล่นเกมส์ กินอาหารที่จัดไว้แบบเต็มที่ และยังมีการแสดงเพื่อให้ความบันเทิง จากนักแสดงชื่อดังตลอด ตั้งแต่เริ่มจนจบงาน เจ้าสาวและเจ้าบ่าวได้รับรอยยิ้มที่จริงใจที่สุดจากเด็ก ๆ และยังมีการ์ดอีก 258 ใบที่ทำโดยเด็กๆ ซึ่งมันสวยงามในความรู้สึกของฉัน หลังจากการจัดงานแต่งงานครั้งนั้น ฉันถึงกับร้องไห้ เพราะใครจะคิดว่า การส่งต่อความรักให้กับใครสักคน มันจะเป็นเรื่องที่สร้างรอยยิ้มและความอิ่มเอมใจได้มากขนาดนี้
-เมื่อฉันต้องเลิกกับแฟนของฉัน เขาให้ฉันย้ายออกไปจากบ้านของเขาทันทีที่ โดยไม่ได้ให้เวลามากพอที่ ฉันจะหาที่อยู่ใหม่ ตอนนั้นฉันต้องใช้ความพยายามอย่างมาก เพื่อที่จะทำตัวเองให้เข้มแข็ง แต่ฉันก็ไม่สามารถหยุดน้ำตาได้ เพราะฉันรู้สึกโดดเดี่ยวมาก เพราะเพื่อนร่วมงานทุกคนของฉัน ซึ่งรวมถึงเพื่อนที่ฉันคิดว่าสนิทที่สุดแล้วในที่ทำงานก็ไม่มีใครยืนมือเข้ามาช่วยเหลือฉันเลย จนกระทั่งเจ้านายของฉันเข้ามาขอให้ฉันไปข้างนอกออฟฟิศกับเขา และ ถามฉันว่าเกิดอะไรขึ้น เขาแนะนำให้ฉันอยู่ที่บ้านของเขาชั่วคราว ฉันเอากระเป๋าทั้งหมดของฉันและไปที่บ้านของเขา ตอนนนั้นเข้าอยู่กับภรรยาสองคน หัวหน้าอธิบายทุกอย่างให้เธอฟัง ในตอนแรกเธอดูมีสีหน้าที่เป็นกังวล ฉันจึงตัดสินใจบอกกับพวกเขาว่าฉันจะลองไปหาที่อยู่ข้างนอกอีกสักครั้ง แต่ทันใดนั้นภรรยาของหัวหน้า เธอก็พูดว่า “ช่างเป็นอะไรที่รุนแรงมาก สำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอ!” ฉันจึงได้รู้ว่าสีหน้าที่กังวลของเธอนั้นคือความเป็นห่วงที่มีต่อฉัน เธอคว้าข้าวของ ของฉันเข้าไปในบ้าน บอกให้ฉันไปอาบน้ำ แล้วทำให้ฉันอุ่นขึ้นด้วยการดื่มชา แล้วค่อยเช็ดน้ำตาให้ฉันตลอดช่วงเวลาหนึ่งสัปดาห์ในการหาที่อยู่ใหม่ ฉันยังคงมีน้ำตาในบางครั้ง แต่คนเหล่านี้ ทำให้ฉันรู้ว่าความรัก และความหวังดีต่อผู้อื่นน้ันมีอยู่จริง ซึ่งมันถูกส่งต่อมาที่ฉัน และในวันที่ฉันเข้มแข็ง ฉันจะส่งต่อมันให้คนอื่นๆ อย่างแน่นอน
-เมื่อน้องชายของฉันอายุ 7 ขวบ ฉันอ่านนิยายเรื่อง Harry Potter กับเขา ต่อมาวันหนึ่งเขาได้รับเลือกให้แสดงการสาธิตคาราเต้ในงานโรงเรียน ซึ่งกลัวมากที่ต้องแสดงต่อหน้าคนดู เขาวิ่งและร้องไห้ด้วยความกลัวมาหาฉัน ตอนแรกฉันคิดอะไรไม่ออก แต่ในที่สุดฉันก็นึกถึง “นำ้ดื่มโชคดีที่ทำด้วยเวทมนตร์” จาก Harry Potter ขึ้นมาได้ ฉันต้องบอกให้น้องไปช่วยหาผลไม้ชนิดต่าง ๆ มาคั้นน้ำผลไม้และเราก็เริ่มร่ายคาถากัน หลังจากที่เขาดื่มมันเข้าไป เขาดูมีความกล้ามากขึ้น และการแสดงก็ผ่านไปด้วยดี หนึ่งเดือนหลังจากนั้นน้องชายของฉันกลับมาขอให้ฉันทำ “นำ้ดื่มโชคดีที่ทำด้วยเวทมนตร์” อีกฉันเริ่มมีความกังวลว่าเขาจะกลายเป็นเด็กที่ขาดความมั่นใจ และ เริ่มบอกเขาเกี่ยวกับการเชื่อมั่นในตัวเอง แต่เขาก็บอกว่าเขาขอมันสำหรับเพื่อนของเขา ฉันจึงให้อีก 1 ขวด ซึ่งเราสัญญากันว่ามันจะเป็นขวดสุดท้ายแล้วเขาก็จะหยุดขอมันอีก ต่อมาฉันได้พบกับเพื่อนของเขา พร้อมกับคุณแม่ของเขาซึ่งเพิ่งได้รับการผ่าตัด และพวกเขาบอกว่า “นำ้ดื่มโชคดีที่ทำด้วยเวทมนตร์” เป็นหนึ่งในกำลังใจที่ทำให้เขาผ่านเรื่องนี้มาได้ ใครจะเชื่อละว่าน้ำผลไม้ ธรรมดา ที่ถูกเติ่มเต็มไปด้วย ความรักและความหวังดี มันจะใช้งานได้ดีขนาดนี้!
© Harry Potter and the Half-Blood Prince / warnerbros
-เมื่อคุณเชื่อในความซื่อสัตย์ และ ศรัทธาในความจริงใจของมนุษย์ คุณจะได้พบกับคนที่คิดแบบเดียวกัน เรื่องราวของฉัน ไม่มีอะไรมากเย็นวันหนึ่งขณะกลับบ้านฉันไปเจอเพื่อ นักท่องเที่ยวคนหนึ่ง เขาเข้ามาขอเงินฉันเพื่อใช้เป็นค่า แท็กซี่เนื่องจาก ระหว่างมาเที่ยวเขาทำกรัเป๋าสตางค์หล่นหาย และตอนนี้ เขากำลังหาทางไปสนามบิน ฉันคิดว่าการช่วยคนกำลังลำบากเป็นสิ่งที่เราควรทำดังนั้น ฉันจึงออกเงินค่ารถให้เขาไป และเราก็แลก ข้อมูลติดต่อกันไวเพื่อตอนหลังเขาจะคืนเงินจำนวนนั้น ซึ่งฉันไม่ได้คาดหวังและลืมมันไปนานแล้ว หลังจากนั้น 3 เดือนก็มีการติดต่อกลับมา แต่ไม่ได้เป็นการคืนเงิน เพื่อนนักท่องเที่ยวของฉันส่งตั๋วเครืองบินพร้อมเชิญฉันและครอบครัวไปเที่ยวที่บ้านของเขาในช่วงฤดูร้อนที่จะถึงนี้แทน
-บางที่ความรักก็แสดงออกมาในลักษณะอื่น ๆ ที่ดูยากจะเข้าใจ ครูสอนคอมพิวเตอร์จากโรงเรียนของฉันเธอดุและเข้มงวดกับ เพื่อนของฉันคนหนึ่งมากจนฉันรู้สึกได้เลยว่า ครูต้องไม่ชอบเธอแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการถามคำถามยาก ๆ และการบ้านที่ แตกต่างจากคนอื่น ๆ และยังไม่รวมการขอให้ช่วยงานอื่น ๆ นอกเหนือจากเวลาเรียน ในตอนนั้นฉันไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมคุณครู ถึงต้องทำแบบนั้น จนกระทั่ง ตอนนี้เมื่อฉันพบกับเพื่อนคนนั้นในงานเลี้ยงรุ่น เธอทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ของ apple และฉันก็ได้รู่ว่า สิ่งที่คุณครูทำตอนนั้น คือการพลักดันและฝึกฝนเธอเพื่อให้เธอเดินทางไปสู่อาชีพที่เธอฝัน นั้นเอง
-เราสามารถส่งต่อพลังแห่งความมุ่งมั่น โดยที่ไม่ต้องพูด แต่เพียงแค่ลงมือทำอย่างจริงจังเท่านั้น ในวัย 41 ปี เพื่อนของฉันเดินเข้ามาในกลุ่มพร้อมบอกกับพวกเราว่า เขาต้องการที่จะวิ่ง ตอนแรกเราก็ไม่คิดว่ามันจริงจัง จนกระทั่งเขาเริ่มลงวิ่งรายการแรก และ รายการที่สองก็ตามมาอย่างรวดเร็วจนตอนนี้ เขากำลังจะลงวิ่งมาราธอน และ นั้นเองที่ทำให้เพื่อน ๆ ในกลุ่มรวมทั้งฉันเริ่มกลับมาคิดแล้วว่าเราก็ควรมี จุดมุ่งหมายอะไรบ้างอย่าง ซึ่งตอนนี้ เราบางคนก็กำลังออกวิ่ง ไปสู่จุดหมายนั้นแล้วเช่นกัน
© Yes Man / vreg
-ในวัย 29 ปีของฉัน ฉันได้ผ่านอะไรๆ มามากกว่าที่หลายคนจะคิดถึงได้ สามีสุดที่รักของฉันถูกตัดสิน ให้ต้องรับโทษที่ตัวเขาเองไม่ได้เป็นคนทำ และทันทีที่สามีต้องไปรับโทษ แม่ของเขาก็ให้ฉันและลูกสาวของฉันออกจากอพาร์ตเมนต์ของเธอ ลูกของเราเข้าไปในโรงพยาบาลด้วยอาการกระดูกสันหลังร้าวหลังจากน้ำแข็งตกลงมาจากหลังคา ฉันสูญเสียงานอันมีเกียรติเพราะบริษัทลดค่าใช้จ่ายลง และทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายใน 3 เดือน มันช่างเป็นเวลาที่โหดร้ายมาก แต่ฉันจะไม่ยอมแพ้ ลูกของฉันต้องพักฟื้นถึง 2 ปี แต่ตอนนี้เธอกำลังวิ่ง และกระโดดอยู่ในสนามเด็กเล่น และนั้นทำให้ฉันรู้สึกดีมาก สามีของฉันพ้นผิดและได้งานคืน ฉันพบงานที่ดี ฉันสร้างความสงบสุขให้ครอบครัวได้ยิ้มอีกครั้งหนึ่งได้ และฉันอยากจะบอกกับคุณแค่ว่า แม้เมื่อวันที่เราอ่อนแอที่สุด เราก็ยังสามารถทำอะไรได้หลายอย่าง ถ้าเราต้องการที่จะทำมันจริงๆ
-บางที่แรงบันดาลใจ อาจจะมาจากคนที่คุณไม่ได้รู้จัก และ มาจากการตั้งคำถามเพียงข้อเดียวเท่านั้น เมื่อหลายปีก่อน ฉันยังทำงานในร้านอาหารเล็ก ๆ นอกเมืองมันดูเป็นการใช้ชีวิตที่แสน สบายตื่นเช้า ทำอาหารให้ผู้คนที่ผ่านไปมา ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องเจอกับปัญหา ใดใดจนกระทั่ง มีลูกค้าประจำคนหนึ่ง นั่งคุยกับฉันและ ถามคำถามง่าย ๆแค่ ไม่กี่ประโยคกับฉัน คำถามนั้นก็คือ “คุณเคยรักตัวเองบ้างหรือเปล่า” คำถามนี้ดังก้องในหัวฉันอยู่หลายวันจนฉันเริ่มกลับมา ดูแลตัวเอง ออกกำลังกาย ซึ่งนั้นทำให้ฉัรูปร่างเล็กลงและแข็งแรงขึ้น ฉันใช้เวลาว่างที่เหลือจากการ ทำงานไปเรียนพิเศษ และนั้น ทำให้ผู้จัดการมองเห็นแวว ทางการศึกษาของฉัน เขาช่วยทำให้ฉันได้เรียน ต่อมหาวิทยาลัยจนจบ และ ตอนนี้ฉันทำงานในเมืองใหญ่มีรายได้มากขึ้น มีอะไรหลาย ๆ อย่างที่ไม่เคยคิดว่าจะทำได้ แต่ฉันก็ทำได้ สิ่งเหล่านี้มาจาก จุดเล็กๆ วันเดียวและ คำถามเดียวเท่านั้น
© The Best Day / bazelevs
-ฉันทำผิดพลาดและส่งไฟล์ผิดให้เจ้านายของฉัน: แทนที่จะส่งรายงาน แต่ฉันกลับส่งส่วนหนึ่งของหนังสือที่ฉันเริ่มเขียนเมื่อไม่นานมานี้ เมื่อฉันรู้ว่าฉันทำผิดฉันขอโทษและส่งไฟล์ที่ฉันควรจะส่งในตอนแรกไปให้เขาอีกครั้ง และอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมาหัวหน้าของฉันโทรหาฉัน และบอกว่าเขาจัดนัดพิเศษให้ฉันกับผู้จัดพิมพ์ และพวกเขายินดีที่จะหารือเกี่ยวกับการจัดพิมพ์หนังสือของฉันเมื่อฉันทำเสร็จ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสิ่งนี้กำลังเกิดขึ้นกับฉัน
-ฉันอาศัยอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟที่มักจะมีคนไร้บ้านอยู่มากมาย ฉันไม่เคยให้เงินพวกเขาเลยเพราะฉันรู้ว่าพวกเขาจะเอาเงินไปใช้อย่างไร้สาระแน่ๆ มีอยูวันนึงชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาฉันและฉันก็ตั้งใจจะปฏิเสธที่จะให้เงินเขา แต่เขากลับเดินมาบอกว่าเขาหิว และอยากกินอาหาร ฉันเลยซื้ออาหารให้กับเขา และกลับกลายเป็นว่าคนที่มีความสุขเป็นฉันเอง
-ผมอายุ 22 และเธออายุ 17 ปี ผมเป็นคนที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายจนกะทั่งได้พบกับเธอ เธอเป็นนักเรียนมัธยมที่ไม่สนใจอนาคตและไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ผมกลับเล็งเห็นอะไรบางอย่างในตัวเธอ: เธอเป็นเด็กที่มีจิตใจดี ที่มีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีเอาซะเลยกับแม่และพ่อเลี้ยงของเธอ มีอยู่ครั้งหนึ่งผมมาบ้านของเธอ และเห็นการกระทำของพ่อเลี้ยงของเธอ และแม่ของเธอก็ไม่ได้สนใจจะดูแลลูกของเธอเลย นั่นคือสาเหตุที่เธอได้ยินแต่คำพูดเชิงลบเกี่ยวกับตัวเธอ และด้วยนิสัยของเธอมันจึงเป็นเรื่องยากที่เธอจะรับมือกับเรื่องอย่างนี้ เราเปิดใจคุยกันทั้งคืนและนั่นทำให้ผมรู้ว่าผมตกหลุมรักเธอ ผมสัญญากับตัวเองว่าผมจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยเธอ ผมช่วยเธอติวเพื่อเตรียมสอบ และเลือกมหาวิทยาลัย เมื่ออยู่กับผมเธอเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น เธอเริ่มอ่านบทกวีของเธอให้ผมฟัง หลังจากเรียนจบผมพาเธอออกจากบ้านพ่อแม่ของเธอ เพื่อไปอยู่บ้านของผม แม้ว่าทางบ้านของเธอไม่พอใจมากๆ แต่อย่างน้อยเธอก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับแม่ของผม ตอนนั้นผมยังไม่ได้บอกรักเธอเพราะผมไม่อยากกดดันเธอด้วยความรู้สึกฝ่ายเดียวของผม มีอยู่วันนึงเธอตื่นขึ้นมาทำอาหารในตอนเช้าและเขียนบทกวีที่มีความยาว 5 หน้า ที่บอกว่าว่าเธอรักผม ในวันนั้นผมมีความสุขมาก! ตอนนี้เราอยู่ด้วยกันมา 3 ปีแล้วและผมได้เห็นเด็กวัยรุ่นที่ผ่านความยากลำบากและกลายเป็นผู้หญิงที่ดีที่มีความห่วงใยในตัวผมเป็นที่สุด
© The Longest Ride / foxmovies
-เมื่อหลายปีก่อนฉันสังเกตเห็นชายแก่ที่ขายหนังสือในอุโมงค์ใต้ดิน เขาดูเศร้ามากจนฉันอดไม่ได้และตัดสินใจซื้ออะไรจากเขา ฉันเริ่มดูหนังสือที่ละเล่มแต่ฉันพบว่าฉันมีมันทั้งหมดอยู่แล้ว – เขาเป็นนักเขียนที่อาศัยอยู่ในระแวกบ้านของเรา ในหนังสือของเขามีบทกวีมากมายเกี่ยวกับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของพื้นที่ของเรา ฉันรักบทกวีเมื่อฉันยังเป็นเด็ก ฉันเริ่มจำเขาได้แล้ว คนที่มีแววตาอ่อนโยนที่เข้ามาในห้องสมุดโรงเรียนบ่อยครั้ง และนำเสนอสำเนาของหนังสือให้เรา ฉันอ่านบทกวีของเขาด้วยหัวใจและเขาก็เกือบจะเริ่มร้องไห้ ฉันถามเขาเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น ดูเหมือนว่าเขาถูกให้ออกจากทีมงานผลิตหนังสือเพราะพวกเขา “ต้องการรูปลักษณ์ใหม่ที่สดใสกว่า” และเขาไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากเขียนบทความแบบเดิม ฉันโทรหาคนที่ฉันรู้จักเพื่อช่วยเขาหางานทำในหนังสือพิมพ์ ตอนนี้ทุกครั้งที่ฉันเห็นบทความที่เขียนโดยเขาฉันรู้สึกมีความสุขมาก เราจะต้องคำนึงถึงผู้คนรอบข้างมากขึ้น บางทีอาจมีคนต้องการความช่วยเหลือ อยู่ในสักมุมถนนที่คุณเดินผ่าน
-ฉันต้องการแบ่งปันปาฏิหาริย์ที่แท้จริงกับคุณ ฉันทำงานที่ศูนย์มะเร็งขนาดใหญ่ หญิงชราคนหนึ่งถูกส่งไปยังสถานที่ของเรา: เธอเป็นมะเร็งในระยะสุดท้าย เธอเดินทางมาด้วยรถพยาบาลและเธอก็อยู่คนเดียว เธอไม่มีญาติ แพทย์ตรวจสอบเธอ และเริ่มเตรียมความพร้อมสำหรับบ้านพักรับรอง และพยายามบอกเธออย่างระมัดระวังว่าเธอมีเวลาเหลืออีกไม่ถึงหนึ่งเดือน ฉันอยู่ที่นั่นในระหว่างการสนทนาและฉันรู้สึกตกใจเมื่อผู้หญิงที่อ่อนแอคนนี้ไม่ฟังหมอ ตะโกนขึ้นมาว่า “เรื่องไร้สาระนี้คืออะไร” เราพบว่าผู้หญิงคนนี้อายุ 85 ปีและเธอเคยเลี้ยงลูกตัวน้อย 3 คนด้วยตัวคนเดียว ลูกชายของเธอและลูกสะใภ้ จากไปเมื่อหลายปีก่อน และหลานสาวของเธอทิ้งลูกไว้กับเธอและไปอาศัยอยู่ในประเทศอื่น ในระหว่างการรักษานั้นเพื่อนบ้านจะดูแลเด็กๆให้ อย่างไรก็ตามผู้หญิงคนนั้นบอกเราว่าเธอปฏิเสธที่จะทิ้งทุกอย่างเพื่อมารับการรักษาได้ เราไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เธอปฏิเสธที่จะไปบ้านพักคนชรา เธอเริ่มออกกำลังกายทุกเช้า เธอจัดงานอดิเรก ในสโมสรในโรงพยาบาล และตอนนี้เธอรู้จักผู้ป่วยทั้งหมด ด้วยเวลาเพียง 2 วันต่อมา ฝ่ายบริหารจึงตัดสินใจที่จะดูแลรักษาเธอด้วยการสั่งเคมีบำบัด และการผ่าตัดแทน คุณคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น หนึ่งสัปดาห์หลังการผ่าตัด เธอวิ่งไปรอบๆ ห้อง ร้องเพลงและดูแลผู้ป่วยรายอื่น เธอยังอ่านหนังสือให้พวกเขาฟังด้วย! และอีกหนึ่งเดือนต่อมาเธอออกจากโรงพยาบาล เมื่อหลานๆของเธอวิ่งเข้าไปในห้องแล้วกอดเธอและจูบเธอ และบอกเธอว่าพวกเขาเขียนจดหมายถึงซานต้าเพื่อขอให้เขาทำสิ่งหนึ่ง ใจความนั้นคือ “ส่งคืนย่าที่รักของพวกเขาให้พวกเขา” และย่าเพิ่งยืนขึ้นเธอกอดเราทุกคนและบอกเราว่าทุกอย่างอยู่ในอำนาจของเรา และเราไม่มีสิทธิ์ที่จะยอมแพ้ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม และมันเป็นของขวัญคริสต์มาสที่ดีที่สุดที่ฉันได้รับในชีวิตของฉัน
-เพื่อนบ้านของฉันเป็นคนร่ำรวยมาก แต่เงินของพวกเขาไม่เคยทำให้พวกเขาเสียคนเลย พวกเขาช่วยหญิงชราโดดเดี่ยวที่อาศัยอยู่ในอาคารอพาร์ตเมนต์ของเรา พวกเขารับสัตว์จรจัดมาเลี้ยง รักษาและมอบพวกมันให้คนที่คิดว่าดีเป็นประจำ พวกเขาช่วยคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเมื่อลูกของเธอไปโรงพยาบาล หากมีผู้คนแบบนี้จำนวนมาก โลกของเราจะเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยม
© The Intern / warnerbros
-ตั้งแต่วัยเด็กฉันเขียนบทกวีที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ฉันไปรายการโชว์ตัว ให้สัมภาษณ์ และฉันมีแฟนคลับเล็กๆ ฉันคิดว่าฉันประสบความสำเร็จในด้านนี้ แต่ไม่เคยรู้สึกภาคภูมิใจมาก่อน จนกระทั่งเมื่ออยู่ในร้านกาแฟ บริกรคนหนึ่งจำฉันได้ และ บอกกับฉันว่าเขาต้องการบางอย่างเพื่อจะเป็นแรงพลักดันให้เขาได้ดำเนินชีวิตต่อไป หลังจากที่เขานำใบเสร็จมาให้ฉัน ฉันเขียนบทกวีของฉัน และถ้อยบางอย่างซึ่งนั้นเป็นวิธีที่ฉันให้แรงบันดาลใจแก่เขา และนั้นคือสิ่งที่เขาเก็บมันไว้ในกรอบรูปและแข้วนโชว์มันอยู่ในร้านตั้งแต่นั้นมา
เมื่อคุณมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในชีวิตสิ่งที่ช่วยให้คุณเชื่อว่าทุกอย่างจะโอเค แบ่งปันกับเราในส่วนความคิดเห็นด้านล่าง
ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside เรียบเรียงโดย BTW