เวลาเราพูดถึงสาว ๆ สักคนขึ้นมาหรือถามหาสเปคของผู้หญิงในความคิดของเพื่อนเพื่อนที่คิดว่าคนแบบนี้แหละที่จะมาเป็นแฟนของเหล่าคุณผู้ชายทั้งหลาย เพื่อนเพื่อนของเราหลายหลายคนก็อาจจะมองที่หน้าตาก่อน แล้วค่อยไปพูดถึงนิสัยใจคอหรือความเข้ากันได้ ซึ่งพอถามหลายหลายคนเข้าเราก็พบว่ามีผู้หญิงแบบหนึ่งที่หลายคนลงความเห็นตรงกันว่า พอเห็นแล้วก็รู้สึกถึงความมีเสน่ห์ของเธอซึ่งนั้นก็คือเหล่าสาว ๆ ที่มักจะมีอารมณ์ขันที่สามารถสร้างเสียงหัวเราะให้คนรอบรอบข้างได้ยิ้มอยู่เสมอนั้นเอง

วันนี้พวกเราอย่างนี้ก็ได้ก็เลยรวบรวมเอาเรื่องเล่าขำขำจากเพื่อนของเราบนอินเทอร์เน็ต ที่ได้ออกมาเล่าเรื่องราวขำขับต่าง ๆ ที่พวกเธอได้พบเจอมาหรืออาจจะเป็นเรื่องราวของพวกเธอเองก็ได้ ซึ่งเราอ่านแล้วก็ทำให้ยิ้มตามได้และทำให้วันธรรมดาของเราสดใสด้วยรอยยิ้มเล็กๆ ลองไปฟังเรื่องราวเหล่านั้นกันเลยดีกว่านะ

เสียหน้าไม่ได้

มีอยู่ครั้งหนึ่งเราออกไปเดินเล่นในสวนสาธารณะแต่จังหวะที่เรากำลังเดินผ่านม้านั่งซึ่งมีชายหนุ่มที่หล่อมากมากคนหนึ่ง เจ้ารองเท้าแตะคู่เก่งของเราก็ทำเรื่องซะแล้ว เพราะมันไปติดแอ่งน้ำเล็กแล้วจังหวะที่เราก้าวขาก็เกิดเป็นเสียงเหมือนตดดังขึ้น เราหันไปมองชายคนนั้นและบอกว่ามันไม่ใช้อย่างที่เค้ากำลังคิด และต้องขอให้เค้าดูเราพยายามเดินผ่านแอ่งน้ำให้เกิดเสียงแบบเดียวกันขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเราทำอยู่นานมากกว่ามันจะเหมือน

คนละวง

เราเป็นอดีตนักกีฬาบาสหญิงของทีมมหาลัยซึ่งนั้นทำให้เราได้คบกับแฟนคนปัจจุบัน และตอนนี้พวกเราก็เรียนจบและคบกันมาได้หลายปีแล้ว ในวันครบรอบวันเกิดของเรา คุณแฟนเดินเข้ามาถามและถามเราเกี่ยวกับของขวัญวันเกิดที่อยากจะได้ ในความคิดของเราคือต้องการที่ได้แต่งงานซักที่เพราะเราก็คบกันมานานแล้ว เราก็เลยวาดวงกลมลงบนกระดาษและส่งให้เค้าแทนรูปแหวน ซึ่งเค้าเห็นก็ยิ้มอย่างมีความสุขพร้อมกับบอกเราว่าวันเกิดนี้เราจะได้ในสิ่งที่เราต้องการ และหลังจากรอมารวมสองสัปดาห์ก็ถึงวันเกิดของเราโดยคุณแฟนขอให้เราออกไปข้างนอกก่อนเพราะเค้าจะขอเวลาเตรียมจัดงานซึ่งพอเรากลับเข้ามาก็ต้องเซอร์ไพรส์เพราะสิ่งที่เราเห็นก็คือ แฟนเราติดตั้งห่วงบาสไว้ที่ห้องของเราเพราะเค้าคิดว่าเจ้าวงกลมที่เราวาดคือห่วงบาส เราได้แต่นิ่งและยิ้มกับของขวัญที่เซอร์ไพรส์ที่สุดเท่าเราจำได้เลย (ครั้งหน้าเราจะต้องวาดเพชรลงไปด้วยดีกว่า)

ช่วยดูรถให้หน่อย
ครั้งหนึ่งเราต้องออกไปทำงานที่ต่างจังหวัดซึ่งก็ต้องขับรถไปด้วยตัวเอง แต่ตอนนั้นเรายังขับรถได้ไม่นานทำให้เวลาจอดรถเข้าซองทำได้ไม่ค่อยดีนัก ซึ่งเมื่อไปถึงที่จอดรถของร้านลูกค้ามันก็ดันเป็นที่จอดรถแบบที่ต้องให้ถอยรถเข้าซองซะด้วย พอเห็นแบบนั้นเราก็เริ่มไม่มั่นใจเลยมองไปรอบๆและก็เห็นเด็กชายคนหนึ่งเดินผ่านมาพอดี เราเลยเปิดกระจกและบอกเค้าไปว่า “พี่กำลังจะถอยรถ ช่วยดูให้พี่หน่อยนะ” ด้วยความสบายใจเราก็ถอยรถไปเรื่อยจนไปชนเข้ากับกำแพงของตึกเสียงดังมาก ซึ่งเรารีบลงจากรถมาดูพร้อมกับถามน้องคนนั้นว่าทำไมถึงไม่บอกพี่ละว่ามันจะชนกำแพงแล้ว น้องคนนั้นหันมาที่เราแล้วพูดว่า “ผมก็ดูรถอย่างที่พี่บอกอยู่นะแต่พี่ไม่ได้บอกว่าให้บอกก่อนจะถึงกำแพงนี้” แล้วเด็กน้อยก็เดินจากไปอย่างช้าปล่อยให้เราอยู่ในความเงียบ

เรื่องบนเตียง
เรามีความฝันแบบเด็กๆอยู่อย่างหนึ่งนั้นก็คือการได้กระโดดสุดแรงแล้วปล่อยตัวเองให้ลงไปบนเตียงนิ่มๆ ใหญ่พร้อมกับใครสักคน ซึ่งก็ไม่มีใครยอมเล่นกับเราเลย จนกระทั่งวันแต่งงานของเราก็เลยช่วยคุณสามีกระโดดลงบนเตียงไปพร้อมๆกันซะเลย ซึ่งก่อนโดดเราคิดว่าพอลงไปถึงเตียงนุ่นแล้วกะจะทำอย่างอื่นต่อซะหน่อย แต่กลายเป็นว่าทันที่ที่เราถึงเตียงก็ได้ยินเสียงโครมดังขึ้นแทนสรุปว่าเตียงหักและคืนนั้นเราต้องนอนโซฟากันแทน (แต่คุณสามีก็ไม่ว่าเราสักคำช่างเป็นแฟนที่น่ารักจริงๆ)

เรียบเรียงโดย BTW