ในช่วงหลายปีให้หลังมานี้พวกเราทุกคนนั้นมีการปรับเปลี่ยนไปอย่างมากมายทั้งการเป็นอยุ่หรือแม้กระทั้งการทำงาน เพราะเราหลายหลายคนนั้นได้เปลี่ยนการทำงานจากที่ต้องออกไปทำงานนอกบ้านแต่ก็เริ่มกลายมาเป็นการทำงานที่บ้านบ้างในบางวันหรือหากว่าไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าไปที่ทำงานเลยจริงๆ บ้างคนก็ถึงขนาดที่ว่าได้ออกไปทำงานที่บ้านในต่างจังหวัดเลยก็มีเช่นเดียวกัน ต้องว่าเรื่องนี้มันช่างเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มาพร้อมสิ่งดีดีเพราะเรานั้นไม่ต้องไปเสียเวลาในการเดินทางไปกลับและยังไม่ต้องแต่งตัวออกไปฝ่าสายฝนหรือแสงแดดเลย แต่จากการทำงานที่บ้านนั้นมันก็ไม่ได้มีแต่เรื่องดีดีหรอกนะ เพราะพวกเราเองก้พบว่ามันยังมีอีกหลายหลายสิ่งที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เช่นเดียวกันซึ่งบางคนก็อาจจะคาดไม่ถึงสิ่งเหล่านี้
แต่พวกเรา BTW นั้นมองเห็นและได้เก็บรวบรวมเอาสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นจากการสอบถามเพื่อนเพื่อนหรือเก็บเอาเรื่องราวเล็กๆน้อยๆต่างต่างเหล่านั้นมาให้เพื่อนเพื่อนได้ลองฟังกันดูเพื่อว่ามันจะมีประโยชน์และได้ลองนำมันไปปรับปรุงและแก้ไขสิ่งเหล่านั้นให้ดีขึ้นยังไงละ
สิ่งแรกเลยนั้นก็คือการเลือกชุดที่เราใชัสวมใส่ในการทำงานอยู่ที่บ้าน
ที่ผ่านมานั้นหลายคนอาจจะคิดว่าหากเราไม่ต้องออกไปเดินทางหรือเผชิญหน้ากับเพื่อนๆโดยตรงนั้นพวกเราก็ไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องการแต่งตัวสักเท่าไหร่ ซึ่งนั้นก็คือสิ่งที่เพื่อนเพื่อนของเราหลายหลายคนทำกันแต่เพื่อนเพื่อนทราบไหมละว่า ชุดที่เราสวมหรือตั้งใจเลือกมาใส่นั้นมันมีผลทางอ้อมต่อตัวเราและความรู้สึกของเราด้วยนะ อย่างเช่นวันที่คุณสวมชุดนอนนั่งทำงานนั้นมันก็จะทำให้คุณอาจจะรู้สึกง่วงหรือไม่ค่อยอยากทำอะไรสักเท่าไหร่นัก ที่เป็นแบบนี้นั้นเป็นเรื่องของความคุ้นเคยซึ่งเป็นความรู้สึกที่ถูกปลุกฝังเอาไว้ในใจเรานั้นเอง ดังนั้นการที่เราเลือกชุดทำงานแยกออกมาจากชุดอยู่บ้านก็จะทำให้คุณได้บรรยากาศของการทำงานตามปกติและทำให้คุณรู้สึกอยากทำงานมากกว่าการเลือกชุดนอนหรือชุดอื่นๆ มาใส่ในตอนทำงานที่บ้านนั้นเอง
ยิ่งทำงานแบบไม่มีเวลาเข้าออกเรายิ่งต้องทำตารางเวลาของตัวเราเอง
ก่อนหน้านี้ในตอนที่เราต้องเดินทางไปทำงานนั้นสิ่งหนึ่งที่เราต้องเจอเป็นสิ่งแรกนั้นก็คือการลงเวลาเข้าและเวลาเลิกงาน อีกทั้งยังมีเรื่องของเวลาพักทานอาหารอีกด้วย ถึงแม้ว่าการทำงานที่บ้านเราไม่ต้องเดินทางและจะเริ่มทำงานเมื่อไหร่ก็ได้แต่การที่ทำแบบนั้นมันก็จะทำให้ชีวิตการทำงานและตารางเวลาการทำงานของคุณนั้นยิ่งควบคุมอะไรไม่ได้เลย อย่างบางคนก็นั่งทำงานเลยเวลาพักเที่ยงทำให้การทานอาหารไม่ตรงเวลาและยิ่งเวลาเลิกงานแล้วยังต้องทำงานที่ค้างอยู่ให้เสร็จในทุกๆวันมันยิ่งทำให้เราเหนื่อยเพราะกลายเป็นเหมือนว่าเรานั้นจะทำงานอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นสิ่งที่จำเป็นนั้นก็คือการตั้งเวลาเข้าทำงานและเวลาหยุดทำงานให้เป็นตารางเวลาที่ชัดเจนเพื่อให้ตัวเรานั้นยังมีเวลาของตัวเองอยู่นั้นเอง
ทำความเข้าใจกับคนอื่นๆเรื่องการทำงานที่บ้านไม่ได้หมายความว่าจะไปไหนเมื่อไหร่ก็ได้
ช่วงแรกที่เราเพิ่งทำงานที่บ้านนั้นคนอื่นๆที่อยู่ที่บ้านกับเราอย่างคุณพ่อหรือคุณแม่หรือญาติๆนั้นอาจจะมองเป็นเรื่องแปลกและอาจจะเข้าใจว่าการที่อยู่ที่บ้านนั้นเราจะทำอย่างอื่นก็เมื่อไหร่ก็ได้ ซึ่งนั้นเป็นสิ่งที่เราต้องอธิบายให้ฟังเพื่อให้เข้าใจกันว่าอันที่จริงแล้วในช่วงเวลางานนั้นก็คือเรายังต้องทำงานไม่ใช่ว่าจะให้ไปทำอย่างอื่นๆหรือให้เราไปช่วยทำงานบ้านอื่นๆได้ เพราะว่าหากเราไม่อธิบายให้ชัดเจนแล้วคนอื่นๆก็จะเข้ามาและพยายามชวนเราไปทำอย่างอื่นอยู่ตลอดเวลาซึ่งหากคุณไปทำสิ่งเหล่านั้นก็อาจจะกระทบกับงานของคุณได้นั้นเอง
ช่วงเวลาทำงานคือช่วงเวลาที่เราต้องแอคทีฟในการรับโทรศัพท์และอ่านข้อความ แต่นอกเวลานั้นคุณก็ยังสามารถทำตัวตามปกติได้นะ
เนื่องจากการทำงานที่บ้านนั้นถูกเปลี่ยนให้เป็นการใช้งานจริงแบบที่พวกเรายังไม่พร้อมมากนัก ดังนั้นเครื่องมือหลายหลายอย่างจึงถูกปรับมาใช้งานทั้งโทรศัพท์และระบบที่เราใช้ในการส่งข้อความเพื่อพูดคุยและติดตามงานกัน ซึ่งหลายอย่างเราก็ใช้สิ่งเดียวกับที่เราใช้ในการติดต่อกับเพื่อนเพื่อน ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือพวกเราพบว่าเพื่อนหลายหลายคนของเราต้องสะดุ้งทุกครั้งที่ได้ยินเสียงโทรศัพท์หรือได้รับข้อความและจะรีบไปอ่านมันอย่างรวดเร็วเพราะกังวลว่ามันจะเป็นเรื่องงาน ซึ่งอันที่จริงแล้วมันกลายเป็นว่าคุณจะเริ่มแยกไม่ออกระหว่างชีวิตการทำงานกับชีวิตนอกเวลางาน ซึ่งหากเป็นเช่นนี้แล้วละก็มันจะทำให้ตัวคุณรู้สึกเหนื่อยและหมดพลังลงไปเรื่อย ดังนั้นเราอยากให้คุณลองวางโทรศัพท์ของคุณให้ห่างตัวบ้างในช่วงหลังเลิกงานเพื่อจะได้พักนั้นเอง และมีเพื่อนคนหนึ่งของเราได้ลองแยกโทรศัพท์อีกเครื่องสำหรับทำงานและอีกเครื่องสำหรับชีวิตส่วนตัว ซึ่งมันก็ได้ผลเพราะเราก็จะสบายใจและรู้ได้เลยว่าอันไหนงานเข้าหรืออันไหนเพื่อนโทรมาเล่นๆกัน
ยิ่งเรามีเวลามากขึ้นยิ่งต้องหาเวลาออกกำลังกาย
สิ่งหนึ่งที่ขาดหายไปยิ่งพวกเราไม่ต้องเดินทางนั้นก็คือการออกกำลังกายนั้นเอง เพราะตอนทำงานปกตินั้นเรายังต้องเดินไปขึ้นรถหรืออย่างน้อยก็เดินไปทานอาหารตอนพักและบางวันก็อาจจะได้เดินเล่นหลังเลิกงานอีกต่าง ๆ แต่การที่เราทำงานที่บ้านเราแทบไม่ต้องเดินไปไหนเลย ดังนั้นเรายิ่งต้องลงเวลาการออกกำลังกายเล็กๆน้อยๆเช่นการเดินรอบบ้านหรือการออกไปซื้ออาหารทานบ้างก็น่าจะทำให้พวกเราได้ขยับร่างกายของเราบ้างก็ดี ยิ่งถ้าเพื่อนๆได้วิ่งหรือออกกำลังกายจริงจังก็เป็นเรื่องที่ดีมากมากเลยนะ
ลองเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันบ้างเพื่อเป็นการสร้างความสุขเล็กๆน้อยๆให้ตัวเอง
เพื่อนเพื่อนเราหลายคนที่ต้องบอกว่าช่างโชคดีเหลือเกินก็เพราะว่าเรื่องของงานและชีวิตประจำวันนั้นไม่ค่อยมีเรื่องอะไรสักเท่าไหร่นัก แต่มันก็ทำให้ในแต่ละวันมันช่างผ่านไปอย่างไม่มีอะไรแปลกใหม่เลยบางครั้งการได้เดินทางในตอนเช้าและตอนเย็นก็เป็นสิ่งที่ช่วยทำให้อะไรหลายหลายอย่างดูแปลกไปบ้าง แต่พอต้องทำงานที่บ้านการเดินทางก็กลายเป็นเรื่องที่ไม่ต้องทำ ดังนั้นเราจึงอยากให้เพื่อนเพื่อนลองลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงบางอย่างบ้างอย่างเช่นอาจจะลองสั่งอาหารจานร้านใหม่ เพราะจะได้ทำให้เราลงมือทำหรือได้ออกความคิดเห็นและได้เห็นสิ่งต่าง ๆ มากขึ้นซึ่งนั้นก็จะทำให้พวกเรามีความสุขมากขึ้นตามไปด้วยนั้นเอง ถึงแม้ว่าร้านใหม่จะไม่อร่อยแต่มันก็ยังได้ความแปลกและแตกต่างบ้างละนะ
แล้อะไรบ้างละที่เพื่อนๆได้จากการทำงานที่บ้าน มีสิ่งไหนที่คิดว่าดีและสิ่งไหนบ้างที่คิดว่าต้องเปลี่ยนลองให้ความเห็นกับพวกเราสักหน่อยสิ
ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside — เรียบเรียงโดย BTW